Table of Content
- SEO
การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และเคล็ดลับการทำ SEO ให้ได้ผล
การเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการทำเว็บไซต์ เพราะมีเหตุผลหลายข้อที่ทำให้เห็นว่าทำไมการเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ถึงยังจำเป็นอยู่ เพราะการทำ SEO เป็นหนึ่งในวิธีที่จะส่งผลต่อยอดขายสินค้าหรือบริการของคุณ
ทาง Google ได้อัปเดตอัลกอรึทึม แนวทางการปฎิบัติ และพื้นฐานเรื่องทั่วไป ถ้าอยากให้หน้าเว็บไซต์ของคุณถูกจัดอยู่ในหน้าการค้นหาที่อยู่ต้น ๆ หน้าต่าง ๆ ในเว็บไซต์ของคุณควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพแก่ผู้ใช้งานและหลังบ้าน
เว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO คืออะไร
การมีเว็บไซต์ที่มีการจัดการเพื่อให้เหมาะสมกับการค้นหาเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ดังนั้นการมีเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการเสิร์ชของ Google และจะช่วยให้อันดับของเว็บไซต์ของคุณจะอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้การมีหน้าเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO หรือที่เรียกกันว่า SEO Friendly ยังสอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ เพราะจะช่วยเพิ่มคุณภาพของโฆษณา Google Ads ในการช่วยลดค่าคลิกโฆษณาได้ลง ถ้าหากคุณใช้โฆษณาบน Facebook การมีหน้า Landing Page ที่ดีและมีคุณภาพของเว็บไซต์ที่ดี สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผลลัพธ์เว็บไซต์ของคุณออกมาได้ดีขึ้น
Indexing ใน Google ทำงานอย่างไร
Index ใน Google ทำงานโดยทางกูเกิ้ลเข้ามาเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ ซึ่งมีการเก็บข้อมูลไว้อย่างแน่นหนาที่ฐานข้อมูล Search Engine ดังนั้นจึงสามารถค้นหาฐานข้อมูลของเว็บไซต์ได้ โดยทั่วไปแล้วจะมีการเก็บข้อมูลเป็นวันยาวนานไปจนถึงหลายสัปดาห์ สิ่งนี้มีความสำคัญกับ SEO บนเว็บไซต์ของคุณอย่างมากเพราะ ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังไม่ Index ใน Google คุณสามารถทำการติดตั้ง Google Search Console บนเว็บไซต์ของคุณ และคุณสามารถขอติดตั้ง Index ใน Google เพื่อให้บอทของ Google เข้ามาตรวจสอบเก็บข้อมูลอีกครั้ง ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการ Index ใน Google ไหม
ลองกดค้นหาดูก่อน
การกดค้นหาหน้าเว็บไซต์ของคุณเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วเพื่อหน้าเว็บไซต์ของคุณได้รับการติดตั้ง Index ใน Google ไหม เพียงแค่ป้อน site:ชื่อโดเมนของคุณ.co.th ในช่องค้นหาของ Google หากเว็บไซต์ของคุณได้รับกาติดตั้ง Index ใน Google คุณจะต้องเห็นเว็บไซต์ของคุณในผลของการค้นหา
หากการกดค้นหาหน้าเว็บไซต์ของคุณไม่มีผลลัพธ์การค้นหาเลย ปัญหานี้ก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมกับการทำ SEO, การใช้คำสำคัญไม่ถูกต้อง, ข้อผิดพลาดในการสร้าง Backlink, การใช้โครงสร้าง URL ไม่เหมาะสม และอื่น ๆ โดยคุณสามารถใช้ Google Search Console เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรในเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ คุณสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตัวของคุณเอง ดังนี้
ลบข้อมูลในไฟล์ Robots.txt
ไฟล์ robots.txt ยังมีบล็อกการรวบรวมข้อมูลที่เป็นไปได้อีกด้วย หากต้องการดูว่าคุณมีไฟล์ robots.txt หรือไม่ และมีอะไรบล็อกหรือไม่ ให้ไปที่ yourdomain.co.th/robots.txt เช่น https://ibexmediagroup.com/robots.txt ค้นหาสิ่งต่อไปนี้ในไฟล์นี้:
หากคุณพบรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเหล่านี้ในไฟล์ robots.txt แสดงว่า Google ไม่ได้รับอนุญาตให้รวบรวมข้อมูลหรืออ่านหน้าใด ๆ ในเว็บไซต์ของคุณไม่ว่ากรณีใด แค่เพียงลบสิ่งเหล่านี้ออกจากไฟล์ของคุณ จะส่งผลให้สามารถช่วยแก้ปัญหาได้
อัปโหลด Sitemap ผ่าน Google Search Console
Sitemap มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาหน้าแรก ๆ การ Submit Sitemap เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับเครื่องมือการค้นหา เช่น Google โดยทำให้ Googlebot สามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น และอัพเดทการค้นหาของผู้ใช้งานให้เป็นปัจจุบันมากขึ้นด้วย การ Submit Sitemap ยังช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะการ Index ของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นด้วย
Mobile Friendly บนเว็บไซต์
ปัจจุบันมีอัตราผู้ใช้งานเว็บไซต์ค่อนข้างสูง Google จึงได้มีการให้ความสำคัญในการอ่านหน้าเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นหากคุณต้องพัฒนาเว็บไซต์ของคุณ หรือ Optimize เว็บไซต์ให้ดีขึ้น ในระหว่างการเลือกว่าจะ Optimize ผ่าน Mobile หรือ Desktop ดี คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คือแนะนำให้ Optimize เว็บไซต์ของคุณผ่าน Mobile ก่อน
ถ้าหากผู้พัฒนาเว็บไซต์ได้ได้พัฒนาเว็บไซต์ให้มีความ Mobile Friendly ทาง Google จะรับรู้ได้ว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้เอื้อต่อผู้ใช้งาน โดยสามารถพูดได้อีกอย่างว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้มอบประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งาน ส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์ของคุณอยู่ในระดับที่ไม่ดี
ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
หน้าเว็บไซต์เป็นพื้นที่ที่ทำให้ลูกค้าได้รู้จักกับธุรกิจหรือแบรนด์มากขึ้น หากเว็บไซต์มีการแสดงผล โหลดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาได้อย่างเร็วทันใจ ก็จะส่งให้ลูกค้าของคุณรู้จักกับแบรนด์ของคุณได้เร็วขึ้น แต่บางทีเปิดหน้าเว็บไซต์ขึ้นมา เว็บไซต์ดังกล่าวของคุณกลับโหลดช้ามากกว่าที่คุณคิด ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพราะไม่รู้ว่าสาเหตุดังกล่าวเกิดจากปัจจัยใด ทั้ง ๆ ที่คุณได้มีการทำตามหลัก SEO ทุกอย่างแล้ว
เมื่อผู้ใช้งานหน้าเว็บไซต์ของคุณเผชิญกับปัญหาดังกล่าวบ่อย ก็จะส่งผลเสียต่อการพยายามไต่อันดับ SEO ของคุณให้ไปอยู่อันดับแรก ๆ ของหน้าค้นหา เพราะส่งผลทั้ง Traffic ในหน้าเว็บไซต์ ส่งผลต่อ Bounce Rate ที่จะเกิดขึ้นในหน้าเว็บไซต์ ทำให้คุณไม่สามารถไปสู่เป้าหมายการทำ SEO ของคุณตามที่ได้วางแผนไว้ และสำหรับสาเหตุที่ส่งให้เว็บไซต์ของคุณโหลด ปัญหานี้เกิดจากหลายปัจจัย โดยหลัก ๆ คือ รูปภาพ, Plugin รวมไปถึงปัญหาด้านเทคนิคของเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้ตัวช่วยอย่าง PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบเว็บไซต์และพัฒนาเว็บไซต์ให้มีความรวดเร็วในทุก ๆ อุปกรณ์การเข้าถึงเว็บไซต์
UX (User Experience)
UX ย่อมาจาก User Experience หรือที่แปลเป็นภาษาไทยอย่างตรงตัวคือ “ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน” โดย UX จะเน้นความสำคัญไปทางด้านอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใช้งานระหว่างที่เข้าเยี่ยมชมหรือใช้งานบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันกับส่วนอื่น ๆ ในการทำเว็บไซต์
ฟังก์ชันต่าง ๆ ในการใช้เว็บไซต์เป็นส่วนหนึ่งของ UX ที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้คนอยากเข้าไปใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เช่น การออกแบบหน้าตาของเว็บไซต์, ข้อมูลช่องทางการติดต่อ, การแบ่งหมวดหมู่เนื้อหา ฯลฯ รวมไปถึงการเพิ่มฟังก์ชันที่ตอบสนองความต้องการแบบพิเศษสำหรับความต้องการจากกลุ่มผู้ใช้งาน
ดังนั้น User Experience จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการออกแบบหน้าเว็บไซต์ของคุณ ที่ประกอบไปด้วยมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การดีไซน์หนา้เว็บไซต์, ความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูล และอื่น ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้ User ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณ และ UX ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยทำ SEO
Conversion Optimisation
การจะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ การพัฒนาและปรับปรุง Conversion ก็สำคัญเช่นเดียวกัน โดย Conversion สามารถวัดได้จากยอดที่เป็นตัวเลขสัดส่วนของผู้ตอบสนองโฆษณาและผู้ซื้อสินค้าหรือบริการนั้นจริง ๆ เช่น คนคลิกซื้อสินค้า หากมียอด Conversion สูง แปลว่าเว็บไซต์ของคุณมีการตอบตอบสนองลูกค้าเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากยอด Conversion ต่ำ คุณสามารถพัฒนาหรือทำการ Optimize ให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่น่าสนใจ ดึงดูดผู้ใช้งาน และส่งผลให้ตอบสนองการใช้งานดีขึ้น
องค์ประกอบที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Conversion มีหลายอย่าง เช่น การออกแบบ Landing page, การออกแบบปุ่ม Call to Action (CTA) ให้สังเกตเห็นได้ง่ายและชัดเจน หรือการเขียน Copywriting ฯลฯ เมื่อลองเอาสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ คุณสามารถทดสอบผลลัพธ์ เพื่อให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และเพิ่มยอดขายบนเว็บไซต์ของคุณ
Content Optimisation
Content Optimisation คือการปรับคอนเทนต์เพื่อให้ข้อมูลแก่ User เกี่ยวกับตัวแบรนด์และบริการของคุณอย่างเหมาะสม โดย Search engine ตรวจสอบคอนเทนต์ที่คุณเขียนและโพสต์ออนไลน์เข้าสู่ Index โดยคอนเทนต์ที่ทำการปรับปรุงไม่ได้จำกัดรูปแบบอยู่แค่บทความ แต่ยังรวมถึงรูปภาพ, อินโฟกราฟิก, วิดีโอ และ Podcast อีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วยังสามารถเขียนหรือสร้างคอนเทนต์ที่อยู่ในกระแส เช่น เทรนด์ User intent ที่ตอนนี้ Google ให้ความสำคัญกับ user intention ของผู้ใช้มากกว่า keywords โดยทำการโฟกัสกับ user intent มากกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปในคอนเทนต์เพื่อเรียก traffic โดยเป็นการสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์และตอบสนองผู้ใช้งาน ดังนั้น Content Optimisation คือการที่คุณทำให้คอนเทนต์มีความเกี่ยวข้องกันและมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุดนั่นเอง
สรุป
Chayanee Dee-aom
