Table of Content
- SEO
Backlink คืออะไร ฉบับมือใหม่ก็อ่านเข้าใจได้ ง่ายจริง!
นักเขียนบทความหรือนักการตลาดอาจจะเคยได้ยินชื่อ Backlink ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง วันนี้เลยอยากชวนทุกคนมาดูว่า Blackpink คืออะไร เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว วันนี้เลยอยากชวนทุกคนมาดูว่า Backlink คืออะไร ถ้าพร้อมแล้วมาเข้าสู่เนื้อหากันเลย
Backlink คืออะไร
ขออธิบายแบบเก๋ ๆ แบบมีสถานการณ์ตัวอย่างแล้วกัน ว่าเจ้าแบ็กลิงก์หรือคนทำ SEO หลาย ๆ คนชอบเผลอเรียกว่า Blackpink จริง ๆ แล้วมันคือลิงก์ที่ถูกเชื่อมโยงกลับมาที่หน้า URL ของเว็บไซต์นั้น ๆ เช่น นาย ก. เขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับนกนานาชนิด แล้วนาย ข. ก็บังเอิ๊ญญญ เขียนเกี่ยวกับชนิดของนกพอดี หลังจากนั้นนาย ข. หยิบเนื้อหาส่วนหนึ่งมาจากนาย ก. และใส่ลิงก์อ้างอิงที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของนาย ก.
จากความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้เห็นว่าเว็บไซต์ของนาย ก. ได้มีจำนวน Backlink 1 จำนวน โดยเพิ่มขึ้นมาจากโดเมนเว็บไซต์ของนาย ข. ที่อ้างอิงเนื้อหาบทความกลับมาที่เว็บไซต์ของนาย ก.
ข้อดีและข้อเสียของการมี Backlink
ข้อดีและข้อเสียของการมี Backlink มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ข้อดี :
- ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
- ช่วยทำให้คนรู้จักเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น
- ช่วยทำให้คีย์เวิร์ดของคุณมีโอกาสติดอันดับมากขึ้น
- ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณได้ทางอ้อม
ข้อเสีย :
- การมี backlink ที่ไม่เป็นธรรมชาติจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสถูกลงโทษจากทาง Google
อยากให้เว็บไซต์มี Backlink เยอะ ๆ จัง ต้องทำยังไงดี…
อยากเพิ่ม Backlink ให้กับเว็บไซต์หรือจะเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ Link Building แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง ก็มาดูกันเลยดีกว่าว่าเราสามารถสร้าง Link Building ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง การมีแบ็กลิงก์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กูเกิ้ลสามารถรับรู้ได้ว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณเป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์ ดังนั้นถ้าหากใครอยากให้เว็บไซต์ที่คุณกำลังดูแลอยู่หรือเป็นเจ้าของ คุณสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปปฏิบัติตามได้ ดังนี้
ทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ
การทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและดีที่สุด เนื่องจากการทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพเพื่อให้เว็บไซต์อื่นอ้างอิงกลับมาได้ที่เว็บไซต์ของคุณค่อนข้างเป็นวิธีที่ธรรมชาติมากที่สุดและไม่ถูกมองว่าเว็บไซต์ของเรากำลังทำลิงก์แบบสแปม เอาจริงคนทำ SEO ส่วนใหญ่ก็อยากถูกโยงกลับมาหน้าเว็บไซต์แบบนี้แหละ เพราะว่ามันส่งผลดีต่อเว็บไซต์ กูเกิ้ลสามารถตรวจจับได้
ติดต่อไปยังผู้ดูแลที่มีเว็บไซต์ธุรกิจเดียวกันกับคุณ
การติดต่อไปยังผู้ดูแลอื่น ๆ ที่มีธุรกิจคล้ายคลึงกันกับเว็บไซต์ของคุณหรือมีเนื้อหาบนเว็บไซต์คล้ายคลึงกันกับคุณจะช่วยทำให้กูเกิ้ลเห็นว่าเนื้อหาของคุณมีประโยชน์ต่อเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีธุรกิจคล้ายคลึงกัน เอาล่ะถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วใครที่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ทำเว็บไซต์อยู่ก็ลองทักไปแลกเว็บไซต์กันดู ถ้าโดนปฏิเสธก็ไม่เสียหาย งานนี้ด้านได้อายอดนะจ๊ะ
ซื้อบทความจากเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์
การซื้อบทความจากเว็บไซต์ข่าวหรือเว็บประชาสัมพันธ์ จะทำให้คุณสามารถรังสรรค์บทความได้อย่างที่ต้องการ คุณสามารถใส่ลิงก์เพื่ออ้างอิงมายังเว็บไซต์ของคุณ โดยการที่ทำแบบนี้จะทำให้คุณเห็นว่าคุณสามารถที่จะดูแลเนื้อหาทุกอย่างบนเว็บไซต์ของคุณได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้การพยายามสร้างแบ็กลิงก์ให้มากเกินความจำเป็นและไม่เป็นธรรมชาติ อาจจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของคุณมากกว่าจะส่งผลดี วิธีที่ยั่งยืนและส่งผลดีต่อเว็บไซต์ของคุณคือการทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพและมีประโยชน์แก่ผู้อ่านนั่นเอง
รวมเว็บไซต์สำหรับการเช็ก Backlink
มาดูเว็บไซต์เช็กแบ๊กลิงก์ของคู่แข่ง ใครที่อยากรู้ว่า Backlink ของคู่แข่งเป็นอย่างไร เราได้รวมมาให้ทุกคนแล้ว จะมีอะไรบ้าง อย่ารอช้า รีบเลื่อนลงไปดูกันเลย
1. ahrefs Free SEO Tools – Backlink Checker
สำหรับการใช้งานบน ahrefs Free SEO Tools ไม่ต้องล็อกอิน ไม่จำกัดจำนวนเว็บไซต์ในการค้นหา
ข้อเสีย จำกัดจำนวนแบ็กลิงก์
1) เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ahrefs.com/backlink-checker
2) กดเลือกเว็บไซต์ของคุณหรือเว็บไซต์คู่แข่งว่ามีแบ็กลิงเท่าไหร่ และกดปุ่ม Check Backlinks ดังรูปภาพ
3) เท่านี้เว็บก็จะแสดงผล ไม่สามารถเช็ก Backlink ได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเว็บเช็กแบ็กลิงก์ฟรีของ ahrefs เขาแสดงผลเยอะและละเอียดอยู่นะ
ด้านบนจะแสดงผลโดยมีรายละเอียดของตัวเลข :
- Domain Rating = คะแนนโดเมนของเว็บไซต์ของคุณ
- Backlinks = จำนวนแบ็กลิงของเว็บไซต์ของคุณ
- Linking websites = จำนวนเว็บไซต์ที่เคยทำแบ็กลิงมายังเว็บไซต์ของคุณ
เลื่อนลงมาอีกนิดก็จะเจอกับ :
- DR คะแนนโดเมนของเว็บไซต์ที่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ
- Referring Page = ลิงก์ของเว็บไซต์ที่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
- Anchor และ Target URL = ชื่อของลิงก์ที่แสดงบนบทความดังกล่าว
- และ URL ของเว็บไซต์ของคุณที่ถูกเชื่อมโยง ยกตัวอย่างเช่น
DR = 77 (คะแนนโดเมนของเว็บฯ ที่ลิงก์มา)
Referring Page = มาจากเว็บฯ news.trueid.net (เว็บที่ลิงก์มา)
Anchor = อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE BK <<< คลิก (คำหรือประโยคที่แสดงผลในบทความที่ลิงก์มา)
Target URL = https://www.linebk.com/th/credit-line/ (ลิงก์ในบทความที่ลิงก์ไปยังเว็บของเรา)
2. Ubersuggest
Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ฟรี แต่จำกัดให้ค้นหาแบ็กลิงก์ได้วันละ 3 เว็บไซต์
1) เข้าไปที่เว็บไซต์ https://neilpatel.com/backlinks/
2) เลือกเว็บไซต์ที่คุณต้องการวิเคราะห์ เพื่อดูว่าคุณมีเว็บไซต์ที่คุณต้องการวิเคราะห์หรือไม่
3) กดคลิกปุ่ม SUBMIT รอไม่กี่วินาที เท่านี้ตัวเว็บไซต์ก็จะแสดงผลออกมาแล้ว
หลังจากที่เห็นการแสดงผลไปแล้ว เราก็มาดูกันเลยดีกว่าว่าผลการค้นหานั้นแสดงอะไรบ้าง โดยทั้งหมดมีรายละเอียดตามนี้เลย
การแสดงผลใน Ubersuggest ค่อนข้างที่จะแสดงผลให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ง่าย โดยส่วนใหญ่แล้วจะสามารถสรุปออกมาได้ง่ายดังนี้ นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถนำไฟล์ออกมาเพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ต่าง ๆ ได้ด้วยค่ะ
การแสดงผล Ubersuggest ค่อนข้างมีความแม่นยำ โดยหลัก ๆ แล้วถ้าหากใครอยากดู Backlink ในนี้สามารถดูได้จาก ประกอบไปด้วย
- Anchor Text แสดงผลได้อย่างชัดเจนว่าข้อความคืออะไร มีไม่รวมไปกับตัวอักษรอื่น ๆ เหมือนของ Ahrefs
- Spam score ฟังก์ชันนี้ถือว่าดีมาก ๆ เพราะว่าทำให้สามารถเข้าใจได้ง่ายว่าการทำแบ็กลิงก์ของคุณหรือเว็บไซต์ของคู่แข่งมีความเป็นสแปมมาน้อยแค่ไหน
- แสดงผลทั้ง Domain และ Page Authority
- สามารถเลือกได้ว่าจะกดดูลิงก์แบบ Do Follow หรือ No Follow
รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย ถือว่า Ubersuggest เป็นเว็บที่มีการแสดงผลค่อนข้างละเอียด แต่แอบเสียดายตรงที่จำกัดการค้นหาต่อวัน ใครอยากจะอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียมราคาก็ไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 400 บาทต่อเดือนสำหรับการใช้งานบัญชีเดียว
เท่านี้ก็จบกันไปแล้วสำหรับความรู้เบื้องต้นสำหรับคนทำ SEO มือใหม่ที่สงสัยว่าการทำ Blackpink คืออะไรเอ้ยไม่ใช่! มือใหม่ที่สงสัยว่าการทำ Backlink คืออะไร ยังไงก็สามารถลองเอาเว็บไซต์สำหรับการเช็กแบ็กลิงก์ไปใช้ตามกันดูได้ รับรองว่าใช้งานสนุก วิเคราะห์ได้ง่าย หรือถ้าหากใครที่อยากอัปเกรดแพลนเป็นแบบเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน ก็สามารถใช้งานได้เลย!